นอกจากความขี้อ้อน และขนนุ่ม ๆ แล้ว สิ่งหนึ่งที่ทำให้แมวตกหลุมรักจนใจละลายคงหนีไม่พ้นตากลมใสของเจ้าเหมียว ซึ่งถ้าวันใดวันหนึ่งเจ้าของพบว่า น้องแมวตาแฉะ ตาแดง หรือมีน้ำตาไหลผิดปกติ คงทำให้เหล่าทาสแมวทุกข์ใจไม่น้อย ในบทความนี้จะมาไขข้อข้องใจว่า แมวตาแฉะเกิดจากอะไร อันตรายต่อน้องแมวมากไหม และเราจะสามารถแก้ไขได้อย่างไร มาทำความเข้าใจไปพร้อม ๆ กันเลย
แมวตาแฉะเกิดจากสาเหตุใดได้บ้าง
อาการแมวตาแฉะ หรือมีน้ำตาไหลเยอะกว่าปกตินั้นสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้
ตาเจ็บ หรือเกิดการระคายเคือง
การที่แมวตาแฉะนั้นอาจเกิดขึ้นจากความรู้สึกระคายเคือง จนรู้สึกเจ็บบริเวณดวงตา ซึ่งอาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นเพราะ กระทบโดนของแข็ง หรือการเกาและถูตาบ่อย ๆ จนทำให้ผิวหนังรอบตาระคายเคืองขึ้นมาได้
เกิดจากเห็บ หมัด
สำหรับกลุ่มของน้องแมวที่มีเห็บและหมัด ก็จะมีความเสี่ยงที่ตาจะเจ็บหรือเกิดอาการตาแฉะได้เช่นกัน เนื่องจากโดนเห็บหมัดกัดได้ด้วยครับ เมื่อน้องแมวตาเจ็บแน่นอนว่าจะทำให้น้ำตาไหลมากขึ้น จนเกิดเป็นปัญหาแมวตาแฉะ ขี้ตาเยอะได้นั้นเอง
ตาอักเสบหรือติดเชื้อไวรัส
สาเหตุนี้นับเป็นเรื่องน่ากังวลที่สุดของอาการแมวตาแฉะ เพราะนั่นหมายความว่าน้องแมวของเรากำลังป่วยอยู่นั่นเอง ซึ่งโดยปกติแล้ว หากแมวมีอาการป่วย ก็มักจะแสดงเบื้องต้น ทำให้ตาแฉะ ตาแดง รวมถึงมีเยื่อบุตาสีขาวขุ่นๆ ขึ้นมาปิดที่บริเวณดวงตามากขึ้นกว่าปกติ
ในกรณีนี้ หากปล่อยทื้งไว้นานก็อาจจะก่อให้เกิดปัญหาเยื่อบุตาขาวอักเสบขึ้นมาได้
เป็นแผลที่กระจกตา
กรณีนี้อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งปัจจัยภายนอก อย่างการสู้กันของน้องแมวและพลาดไปโดนกระจกตา หรือเกิดจากเชื้อไวรัส ที่ส่งผลให้แมวตาแฉะ จนเกิดการอักเสบและเป็นแผลบริเวณที่กระจกตาได้ จะเห็นได้ชัดจากการที่ ดวงตาน้องจะแฉะเป็นพิเศษ มีน้ำตาไหลตลอดเวลา หรือเยื่อบุตาเปลี่ยนเป็นสีแดง
อาการตาแฉะในแมวเด็ก
หากบ้านใครมีแมวเด็กที่เพิ่งคลอด หรือเพิ่งรับแมวเด็กเข้ามาเลี้ยง ให้ลองสังเกตอาการของเจ้าเหมียวให้ดี เพราะแมวกลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่มบอบบาง ยังไม่แข็งแรง และยังไม่มีภูมิคุ้มกัน จึงเสี่ยงต่ออาการตาแฉะ ตาบวม และตาอักเสบ มากกว่าแมวที่โตแล้วนั่นเอง
ลักษณะเฉพาะในบางสายพันธุ์
สำหรับน้อง ๆ แมวพันธ์ุที่มีลักษณะใบหน้าสั้น อย่างเช่น แมวพันธุ์เปอร์เซีย แมวพันธุ์เอ็กโซติค ชอร์ท แฮร์ แมวพันธุ์หิมาลายัน จะมีน้ำตาไหลออกมาเยอะผิดปกติตลอดเวลา เนื่องจากกระดูกโครงหน้าที่สั้น ทำให้ท่อน้ำตาหรือต่อมน้ำตาทำงานผิดปกติ น้องแมวพันธุ์นี้จึงเกิดปัญหาตาแฉะกว่าน้องแมวพันธุ์อื่น ๆ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ที่เลี้ยงน้อง ๆ พันธุ์นี้จึงควรให้ความสำคัญในการทำความสะอาด บริเวณผิวรอบดวงตาเป็นประจำ เพราะหากปล่อยให้น้อง ๆ ตาแฉะสะสมกันนาน ๆ ผิวรอบดวงตาสามารถเกิดเป็นแผลได้
ระดับความรุนแรงของอาการแมวตาแฉะ
หลังจากที่รู้สาเหตุของอาการแมวตาแฉะไปแล้ว เราลองมาดูว่าระดับความรุนแรงของอาการเหล่านี้ เป็นอย่างไรบ้าง เพื่อจะได้สังเกตและเฝ้าระวัง และหาทางรักษาแก้ไขได้อย่างทันท่วงที
-
ความรุนแรงระดับเริ่มต้น
น้องแมวมีน้ำตาไหลมากกว่าปกติ มีขี้ตาสะสมเยอะขึ้น ขอบตาแดง บางหลายอาจมีอาการเกาและถูขอบตาบ่อยขึ้น รวมทั้งมีอาการหลี่ตาบ่อยขึ้น
-
ระดับความรุนแรงปานกลาง
ดวงตาไม่สดใส เยื่อบุตาของน้องแมวเริ่มขึ้นมาปิดตามากขึ้นจนเห็นชัด มีอาการตาปิดหรือตาปิดหนึ่งข้าง ในบางรายมีอาการซึมและไม่ร่าเริง
-
ระดับรุนแรงต่อการมองเห็น
ดวงตาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขุ่น และเยื่อบุตาเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีแดง ในแต่ละเคสเริ่มมองเห็นได้น้อยลงหรือมองเห็นไม่ชัด
น้องแมวตาแฉะ ปล่อยไว้เป็นอันตรายไหม?
อาการตาแฉะนั้นถือเป็นอีกสัญญาณเตือนในเรื่องสุขภาพภายในของน้องแมว สำหรับแมวที่มีความรุนแรงของอาการตาแฉะในระดับเริ่มต้น เจ้าของแมวอาจใช้ทิชชู่เปียกสำหรับแมวเช็คทำความสะอาดเบา ๆ และคอยสังเกตอาการน้องอย่างต่อเนื่อง แต่แนะนำว่าไม่ควรทิ้งให้น้อง ๆ ตาแฉะสะสมเป็นเวลานาน เพราะจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคได้ง่ายขึ้น
ส่วนเจ้าเหมียวที่มีอาการตาแฉะในระดับปานกลางถึงรุนแรง โดยเฉพาะแมวที่ไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อนแล้วมีอาการตาแฉะขึ้นมา แนะนำให้ทาสแมวทั้งหลาย รีบพามาให้คุณหมอตรวจดู ไม่ควรปล่อยให้หายเอง เพราะ อาการเหล่านี้อาจเกิดจากเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อไวรัส ที่อันตรายต่อสุขภาพดวงตาของแมวที่คุณรักนันเอง
แมวตาแฉะ มีวิธีป้องกัน ดูแล รักษา อย่างไรบ้าง
วิธีดูแลเบื้องต้น
หากพบว่าน้อง ๆ เป็นพันธุ์ที่น้ำตาไหลเยอะหรือเพิ่งมีอาการ เจ้าของแมวสามารถดูแลโดยการทำความสะอาดรอบขอบตาบนล่าง ให้เขาได้ครับโดยใช้น้ำยาเช็ดเฉพาะของแมวหรือที่สัตวแพทย์แนะนำ ควบคู่ไปกับการใช้ยาหยอดตาสำหรับน้องแมวเพื่อลดอาการระคายเคือง แล้วเฝ้าระวัง สังเกตอาการอย่างต่อเนื่อง หากอาการยังไม่ดีขึ้นก็ควรรีบพาไปพบคุณหมอ เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดจะดีที่สุด
ดูแลรักษาความสะอาด
การดูแลรักษาความสะอาดในที่นี้ หมายถึงทั้งตัวน้องแมวเอง รวมถึงบริเวณที่อยู่ของน้องแมวด้วย เพราะการอาบน้ำตัดขนเป็นประจำจะช่วยชำระล้างเชื้อโรคและฝุ่นผงต่าง ๆ ออกไป รวมถึงช่วยป้องกันเห็บหมัดและโรคผิวหนังต่าง ๆ ได้อีกด้วย นอกจากนี้เจ้าของยังควรดูแลความสะอาดของเบาะน้อง ของเล่น และกระบะทราย จะช่วยทำให้น้อง ๆ ลดโอกาสรับเชื้อโรคจากของใช้ได้มากขึ้น
เสริมด้วยอาหารที่มีประโยชน์ครบถ้วน
น้องแมวที่ร่าเริง ดวงตาสดใส และมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง ล้วนมีผลมาจากการได้ทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน เจ้าของจึงควรเน้นการให้อาหารที่เทใหม่และมีคุณประโยชน์ครบถ้วน เช่น วิตามิน A, วิตามิน E, โอเมก้า 3 และ 6 เป็นต้น
ฉีดวัคซีนให้ครบ
การฉีดวัคซีนสำคัญมาก ๆ เพราะจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายของน้อง ๆ คุณพ่อคุณแม่ควรพาน้อง ๆ มาฉีดวัคซีนเมื่ออายุครบ 2 เดือนขึ้นไป หลังจากฉีดวัคซีนครบตามแผนแล้ว สามารถพาน้อง ๆ มาฉีดเข็มกระตุ้นได้ทุกปีครับ เท่านี้น้อง ๆ ก็จะแข็งแรงและต่อสู้กับเชื้อโรคต่าง ๆ พร้อมวิ่งเล่นได้แล้ว
สรุป
แม้ว่าปัญหาน้องแมวมีอาการตาแฉะ หรือมีน้ำตาไหลนั้นจะเป็นเรื่องที่สามารถพบไปเป็นปกติ แต่เจ้าของอย่างเราก็ไม่ควรมองข้าม เพราะอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณเตือนและเป็นอาการเบื้องต้นที่นำไปสู่ปัญหาสุขภาพตาอื่นๆ เช่น ตาอักเสบ บวม แดง หรือติดเชื้อได้ในอนาคต
ที่ Paradise Park เรามีบริการ Pet Zone ไว้รองรับทาสหมา ทาสแมวแบบครบวงจร ทั้งร้านจำหน่ายอาหาร ยา ของใช้ในชีวิตประจำวัน รวมทั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ สำหรับสัตว์เลี้ยงหลากหลายสายพันธ์ุ ไปจนถึงบริการ Grooming อาบน้ำ ตัดขน นอกจากนี้คุณยังสามารถพาน้อง ๆ มาเดินเล่นสบาย ๆ ในวันพักผ่อนได้ด้วย สำหรับรายชื่อร้านต่าง ๆ มีดังนี้
-
The Pet Safari (ชั้น G) จำหน่ายอาหารของน้องหมา น้องแมว รวมไปถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ และยังมีบริการ PET PHARMACY
-
Fin Compla (Side Walk Zone) จำหน่ายอาหารของน้องหมา น้องแมว รวมไปถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ
-
เมล็ดข้าว (Side Walk Zone) จำหน่ายอาหารของน้องหมา น้องแมว รวมไปถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ
-
กระดิกหาง (Side Walk Zone) ร้านอาบน้ำ ตัดขน ของน้องหมา น้องแมว
-
Pets Planet (Side Walk Zone) ร้านอาบน้ำ ตัดขน ของน้องหมา น้องแมว รวมถึงขายอาหาร
-
ทาโร่ (Side Walk Zone) ร้านอาบน้ำ ตัดขน ของน้องหมา น้องแมว
-
Pet Corner (Side Walk Zone) ร้านอาบน้ำ ตัดขน ของน้องหมา น้องแมว