7 เคล็ดลับดูแลจุดซ่อนเร้น จบปัญหากลิ่นกวนใจ คืนความมั่นใจเต็มที่!

  •  29 ก.ย. 67

การดูแลจุดซ่อนเร้นถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยรักษาสุขภาพจุดซ่อนเร้นให้แข็งแรงเท่านั้น แต่ยังช่วยลดกลิ่นจุดซ่อนเร้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ทำให้คนทุกเพศสูญเสียความมั่นใจ

มาดู 7 เคล็ดลับดูแลจุดซ่อนเร้นง่ายๆ ที่นำมาฝากในบทความนี้ พร้อมเข้าใจทุกเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับจุดซ่อนเร้น ตั้งแต่สาเหตุของกลิ่นจุดซ่อนเร้น ไปจนถึงภัยเงียบที่หลายคนมองข้ามกัน

 

จุดซ่อนเร้นสำคัญอย่างไร?

การดูแลจุดซ่อนเร้นอย่างเหมาะสม ถือเป็นเรื่องสำคัญที่คนทุกเพศต้องให้ความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพศหญิงที่มีจุดซ่อนเร้นที่มีความละเอียดอ่อนและซับซ้อน ซึ่งหากละเลยการดูแล หรือ เลือกทำความสะอาดแบบผิดวิธี อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่รุนแรงได้

ไม่ว่าจะเป็นการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (UTI) การติดเชื้อราและแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดอาการคันจุดซ่อนเร้น ความเสี่ยงในการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) และกลิ่นจุดซ่อนเร้นที่ทำลายความมั่นใจของใครหลายคน

 

สาเหตุของกลิ่นจุดซ่อนเร้นมีอะไรบ้าง?

หลายๆ คนมักเข้าใจว่า กลิ่นจุดซ่อนเร้นนั้นมีสาเหตุมาจากการทำความสะอาดที่ไม่เหมาะสม แต่ในความเป็นจริงแล้ว กลิ่นจุดซ่อนเร้นที่ไม่พึงประสงค์นั้นสามารถเกิดขึ้นได้จาก 5 สาเหตุหลัก

1. การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน

"เอสโตรเจน” และ “โปรเจสเตอโรน” เป็นฮอร์โมนเพศหญิงที่ช่วยรักษาสมดุลของแบคทีเรียในช่องคลอด ซึ่งหากมีการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนในช่วงมีประจำเดือน ตั้งครรภ์ หรือในช่วงวัยหมดประจำเดือนแล้ว อาจทำให้แบคทีเรียในช่องคลอดเสียสมดุลและเกิดเป็นกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้

 

2. การติดเชื้อ

การติดเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial Vaginosis) หรือ เชื้อราในช่องคลอด เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของกลิ่นจุดซ่อนเร้นได้ อีกทั้งโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) เองก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดกลิ่นจุดซ่อนเร้นได้เช่นกัน

 

3. อาหารที่รับประทาน

รู้หรือไม่? การรับประทานอาหารที่มีกลิ่นฉุน รสจัด น้ำตาลสูง อาหารหมักดอง เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของกลิ่นจุดซ่อนเร้นได้เช่นกัน เนื่องจากสารอาหารจากอาหารประเภทดังกล่าวสามารถถูกขับออกมาทางรูขุมขนของร่างกาย รวมไปถึงจุดซ่อนเร้น

 

4. สุขอนามัย

การรักษาความสะอาดจุดซ่อนเร้นที่ไม่เพียงพอสามารถก่อให้เกิดกลิ่นจุดซ่อนเร้นได้ เช่น การไม่ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นหลังขับถ่าย และ การไม่เปลี่ยนผ้าอนามัยระหว่างที่มีประจำเดือน อาจก่อให้เกิดการสะสมของแบคทีเรีย ซึ่งนอกจากจะเป็นสาเหตุของกลิ่นจุดซ่อนเร้นแล้ว ยังเพิ่มความเสี่ยงที่จะติดเชื้อที่บริเวณจุดซ่อนเร้นได้อีกด้วย 

 

5. การทำความสะอาดที่ไม่ถูกต้อง

การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลจุดซ่อนเร้นที่มีสารเคมีรุนแรง มีกลิ่นฉุน รวมไปถึงการสวนล้างช่องคลอด อาจทำให้สมดุลของแบคทีเรียธรรมชาติในช่องคลอดผิดปกติ จนก่อให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้

 

7 เคล็ดลับดูแลจุดซ่อนเร้นอย่างถูกต้อง ทำตามง่าย บอกลากลิ่นได้จริง!

หากคุณเป็นอีกคนที่มีปัญหากลิ่นจุดซ่อนเร้นกวนใจ แต่ไม่รู้จะเริ่มดูแลจุดซ่อนเร้นอย่างไรให้ถูกต้อง ลองมาดู 7 วิธีแก้กลิ่นจุดซ่อนเร้นฉบับทำตามง่าย แต่ได้ผลจริงกัน!

 

1. ทำความสะอาดอย่างถูกต้อง

นอกจากจะใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลจุดซ่อนเร้นที่มีค่า pH สมดุล และปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตรายแล้ว ทุกคนยังควรทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นอย่างถูกต้อง เพื่อรักษาสมดุลแบคทีเรียและลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคร้ายที่บริเวณจุดซ่อนเร้น

วิธีทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นในวันปกติ

  1. เริ่มจากการล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัสกับจุดซ่อนเร้น

  2. ใช้น้ำสะอาด เริ่มล้างจากบริเวณด้านหน้าไปด้านหลังเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของแบคทีเรียจากทวารหนักไปยังช่องคลอด

  3. ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลจุดซ่อนเร้นที่เหมาะสมและล้างให้สะอาดด้วยน้ำอีกครั้ง หลังจากนั้นให้ซับให้แห้งด้วยผ้าขนหนูที่สะอาดและนุ่ม

วิธีทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นช่วงมีประจำเดือน

ช่วงมีประจำเดือน ไม่เพียงแต่จะเสี่ยงต่อการติดเชื้อง่ายเท่านั้น แต่เลือดประจำเดือนยังมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของแบคทีเรียได้ ด้วยเหตุนี้ การดูแลจุดซ่อนเร้นช่วงมีประจำเดือนจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก โดยสามารถเริ่มได้ง่ายๆ ดังนี้

  1. ควรทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นอย่างน้อยวันละ 4 ครั้ง โดยเฉพาะก่อนเปลี่ยนผ้าอนามัย

  2. ควรใช้ฟักบัวหรือน้ำไหลในการทำความสะอาด ไม่ควรใช้ขันน้ำ เพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น

  3. ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 3-4 ชั่วโมง หรือ บ่อยกว่านั้นหากมีการไหลมาก เพื่อหลีกเลี่ยงกลิ่นไม่พึงประสงค์และการติดเชื้อ

  4. หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่น เนื่องจากอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้

วิธีทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นช่วงตั้งครรภ์

ในระหว่างที่ตั้งครรภ์ ร่างกายของผู้หญิงจะมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนที่อาจก่อให้เกิดกลิ่นจุดซ่อนเร้นได้ โดยการดูแลจุดซ่อนเร้นช่วงตั้งครรภ์สามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้

  1. ควรทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง 

  2. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีสารเคมีรุนแรง เพื่อป้องกันการระคายเคือง

  3. หากพบว่ามีกลิ่นหรือสีตกขาวที่ผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ทันที

 

2. หมั่นสังเกตความผิดปกติ

หลังจากที่รู้จักวิธีทำความสะอาดอย่างถูกต้องแล้ว อย่าลืมหมั่นสังเกตความผิดปกติที่จุดซ่อนเร้นให้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตกขาวที่มีกลิ่นและสีที่ผิดปกติ โดยอาการตกขาวที่ต้องรีบไปพบแพทย์จะมีลักษณะ ดังนี้

  1. ตกขาวสีเขียวหรือสีเหลือง อาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น หนองใน หรือ Trichomoniasis โดยมักมีอาการคันและมีกลิ่นเหม็นร่วมด้วย 

  2. ตกขาวที่มีสีเทาและมีกลิ่นเหม็นคล้ายปลาที่เน่า มักเป็นสัญญาณของ Bacterial Vaginosis ซึ่งเกิดจากแบคทีเรียในช่องคลอดที่ไม่สมดุล

  3. ตกขาวที่มีสีแดงหรือสีน้ำตาลอาจเกิดจากเลือด มักเป็นสัญญาณของการมีประจำเดือน แต่หากเวลาผ่านไปแล้วประจำเดือนยังไม่มา ให้รีบไปพบแพทย์ด่วน

  4. ตกขาวที่มีลักษณะหนืดหรือขุ่น อาจบ่งบอกถึงการติดเชื้อรา Candida ซึ่งมักทำให้เกิดอาการคันและระคายเคือง 

 

3. ล้างทำความสะอาดให้ดีหลังเสร็จทุกภารกิจ

หลังจากเข้าห้องน้ำ มีเพศสัมพันธ์ เสร็จสิ้นกิจกรรมใดๆ ควรรีบทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นเสมอ ทั้งนี้เพื่อลดการสะสมของแบคทีเรียและเชื้อโรคอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดกลิ่นจุดซ่อนเร้น รวมถึงปัญหาสุขภาพอื่นๆ ได้ 

 

4. งดกำจัดขนโดยไม่จำเป็น

ขนบริเวณจุดซ่อนเร้นเป็นปราการด่านแรกที่ป้องกันไม่ให้ผิวหนังเสียดสีกับชั้นใน ทั้งยังช่วยดักจับสิ่งสกปรกและเชื้อโรคไม่ให้เข้ามาภายในจุดซ่อนเร้น ด้วยเหตุนี้ การกำจัดขนจุดซ่อนเร้นอาจทำให้ผิวหนังบอบบาง ตลอดจนเพิ่มความเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้

 

5. หลีกเลี่ยงอาหารบางประเภท

ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีกลิ่นฉุน อาหารรสจัด รวมถึงอาหารที่มีน้ำตาลสูง เนื่องจากอาหารเหล่านี้อาจทำให้เกิดกลิ่นจุดซ่อนเร้นได้ แต่แนะนำให้รับประทานอาหารจำพวกโพรไบโอติกส์ที่จะช่วยรักษาสมดุลของช่องคลอดและจุดซ่อนเร้นเป็นประจำ ทั้งนี้เพื่อรักษาสุขภาพ พร้อมลดกลิ่นที่จุดซ่อนเร้นไปพร้อมกัน

 

6. ควบคุมน้ำหนักตัว

ความอ้วน ไม่เพียงแต่จะส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมเท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดกลิ่นจุดซ่อนเร้นได้ เนื่องจากมีการสะสมของเหงื่อและความชื้นในบริเวณที่มีไขมันมส่วนเกิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บริเวณขาหนีบและจุดซ่อนเร้น ซึ่งเอื้อต่อการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อรา ด้วยเหตุนี้ การควบคุมน้ำหนัก รักษาสุขภาพ พร้อมออกกำลังกายเป็นประจำ จึงสามารถช่วยลดกลิ่นจุดซ่อนเร้นได้

 

7. ใส่ชั้นในที่ระบายอากาศได้ดี

ควรเลือกใส่ชั้นในที่ระบายอากาศได้ดี และ ไม่รัดแน่นจนเกินไป เพื่อลดการสะสมของแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดกลิ่นจุดซ่อนเร้นได้ ที่สำคัญ ยังควรทำความสะอาดชั้นในอย่างเหมาะสมและตากในบริเวณที่ระบายอากาศดี เพื่อลดกลิ่นอับที่อาจส่งผลกับกลิ่นจุดซ่อนเร้นได้


จบลงไปแล้วกับ 7 เคล็ดลับดูแลจุดซ่อนเร้นง่ายๆ ที่นำมาฝาก หากใครลองทำตามทั้ง 7 เคล็ดลับนี้แล้ว แต่ยังไม่เห็นผลลัพธ์ที่ต้องการ การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจุดซ่อนเร้นก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกดีๆ ที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน

Lifilltox Clinic คลินิกสุขภาพเฉพาะทางจุดซ่อนเร้นและสุขภาพของผู้หญิง มาพร้อมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำปรึกษาทุกเรื่องเกี่ยวกับจุดซ่อนเร้น พร้อมดูแลจุดซ่อนเร้นของคุณให้แข็งแรง ลดกลิ่นอับและปัญหาสุขภาพแอบแฝง สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจาก Lifilltox Clinic ได้แล้ววันนี้ที่ศูนย์การค้า Paradise Park ชั้น 3 โซน C 

ที่สำคัญ! ก่อนเข้าใช้บริการ อย่าลืมสมัครสมาชิก MBK PLUS เพื่อรับสิทธิพิเศษก่อนใคร โดยทุกยอดใช้จ่ายสามารถสะสมคะแนนเพื่อรับคูปองส่วนลดเงินสดและส่วนลดกับร้านค้าที่ร่วมรายการได้ สมัครง่ายๆ ที่ LINE OA @mbkplus วันนี้

 

อ้างอิง: 

  • https://www.watsons.co.th/th/blog/skincare-tips-th/7-วิธีดูแลจุดซ่อนเร้นผู้

  • https://www.phyathai.com/th/article/take-care-of-hidden-spots-ptp 

  • https://www.cosmenet.in.th/cosme-howto/49307 

  • https://amara-clinic.com/11-ways-to-take-care-of-vagina/