สำหรับคนในวัยทำงาน จะมีชื่ออาการอย่างหนึ่งที่หลายคนรู้จักกันดี แต่ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับตัวเอง นั่นก็คือ “ออฟฟิศซินโดรม” ที่เป็นอาการป่วยหลากหลายประเภทอันมีสาเหตุมาจากการใช้ชีวิตประจำวันในการทำงานที่ออฟฟิศนั่นเอง โดยอาการออฟฟิศซินโดรมคืออะไร มีอะไรบ้าง สาเหตุเกิดจากอะไร และวิธีการดูแลรักษาออฟฟิศซินโดรม มาพบกันได้ในบทความนี้เลย
ออฟฟิศซินโดรม คืออะไร
ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) หมายถึง กลุ่มอาการที่เกิดขึ้นจากการทำงานในออฟฟิศหรือการทำงานที่ต้องนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานเป็นเวลานาน โดยทั่วไปอาการนี้มีสาเหตุจากท่าทางที่ไม่เหมาะสม การใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ไม่ถูกต้อง หรือการขาดการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวัน ทำให้เกิดอาการต่าง ๆ
โรคที่มากับออฟฟิศซินโดรม
ออฟฟิศซินโดรมถือเป็นกลุ่มของอาการที่สะสมจากการทำงานในท่าทางที่ไม่ถูกต้อง หรือจากการใช้อุปกรณ์สำนักงานที่ไม่เหมาะสม ทั้งการปวดหลัง ปวดคอ ปวดไหล่ หรืออาการชาในแขนและขา นอกจากทำให้เกิดความไม่สบายตัว อาการเหล่านี้ยังส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวหากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม
สาเหตุของออฟฟิศซินโดรม
ออฟฟิศซินโดรมเกิดจากปัจจัยหลายประการที่เกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมและลักษณะการทำงาน รวมถึงพฤติกรรมประจำวันด้วย ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดอาการออฟฟิศซินโดรมมีดังนี้
1. ท่าทางการนั่งที่ไม่เหมาะสม - การนั่งนานในท่าเดิม โดยเฉพาะการนั่งที่ทำให้กล้ามเนื้อบ่า คอ และหลังมีแรงกดทับหรือหดเกร็งเป็นเวลานาน จะทำให้เกิดการอักเสบและปวดที่บริเวณกล้ามเนื้อ
2. การใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน - คนที่ทำงานกับคอมพิวเตอร์ตลอดวันอาจมีปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อตา นอกจากนี้ยังทำให้เกิดอาการปวดคอ ปวดข้อมือ และปวดไหล่จากการใช้มือและข้อมือซ้ำ ๆ
3. การขาดการเคลื่อนไหว - เมื่อเราอยู่ในท่านั่งหรือท่ายืนเป็นเวลานานโดยไม่ขยับเขยื้อน จะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณต่าง ๆ เกิดความตึงเครียดและมีความเหนื่อยล้า
4. ความเครียดจากการทำงาน - สภาพแวดล้อมที่ทำงานที่มีความกดดันสูง หรือทำให้เกิดความวิตกกังวล ส่งผลให้เกิดอาการออฟฟิศซินโดรมได้
5. อุปกรณ์สำนักงานที่ไม่เหมาะสม - การใช้โต๊ะหรือเก้าอี้ที่ไม่เหมาะสมกับลักษณะการทำงานและสรีระของร่างกาย จะทำให้เกิดการกดทับของกล้ามเนื้อและกระดูกในระยะยาว
อาการแบบไหน? เข้าข่ายออฟฟิศซินโดรม
ออฟฟิศซินโดรมมีหลายกลุ่มอาการที่สัมพันธ์กับการทำงานในสำนักงาน ซึ่งอาการที่พบได้บ่อย ได้แก่
-
ปวดคอและไหล่: มักเกิดจากการนั่งทำงานที่ไม่มีการรองรับที่เหมาะสม ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณคอและไหล่ถูกกดทับ
-
ปวดหลังส่วนล่าง: สาเหตุจากการนั่งในท่าที่ไม่ถูกต้องหรือนั่งนานโดยไม่พัก
-
ปวดศีรษะ: อาการปวดศีรษะมักเกิดจากการใช้สายตาจ้องหน้าจอนาน ๆ
-
อาการชาที่มือหรือแขน: เกิดจากการใช้ข้อมือหรือแขนซ้ำ ๆ จนเกิดการกดทับเส้นประสาท
-
อาการตาพร่ามัวและเหนื่อยล้าจากการมองจอ: จากการจ้องหน้าจอนาน ๆ อาจทำให้ตาแห้งและมองเห็นไม่ชัด
-
อาการปวดข้อมือและข้อศอก: จากการใช้งานข้อมือที่ต่อเนื่อง
ใครบ้าง ที่มีโอกาสเสี่ยงเป็นออฟฟิศซินโดรม
กลุ่มคนที่มีความเสี่ยงที่จะประสบปัญหาออฟฟิศซินโดรมมากที่สุดคือคนที่ต้องนั่งทำงานประจำวันอย่างต่อเนื่องนาน ๆ เช่น
-
พนักงานออฟฟิศ: ที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นหลัก ซึ่งอาจมีท่านั่งที่ไม่ถูกต้องหรือไม่มีการปรับสรีระให้เหมาะสม
-
นักเรียนและนักศึกษา: ที่นั่งทำการบ้านหรือเรียนบนโต๊ะเป็นระยะเวลานานและต่อเนื่องกันเป็นประจำ
-
คนทำงานด้านไอทีและดีไซน์เนอร์: ที่ต้องทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ตลอดเวลา
-
ผู้ที่ไม่ค่อยออกกำลังกาย: การเคลื่อนไหวร่างกายที่จำกัด ทำให้กล้ามเนื้อตึงและเกิดความเมื่อยล้า
แจก 4 ท่ากายบริหาร ลดอาการออฟฟิศซินโดรม
สำหรับคนที่ต้องนั่งทำงานตลอดทั้งวัน การทำท่าบริหารร่างกายง่าย ๆ สามารถช่วยลดอาการของออฟฟิศซินโดรมได้ดังนี้
1. ยืดกล้ามเนื้อคอและไหล่: โดยการยกแขนข้างหนึ่งขึ้นด้านข้างแล้วพาดศีรษะเอนไปด้านข้าง ให้รู้สึกตึงบริเวณคอ
2. ท่ายืดหลังและลำตัว: ยืดแขนทั้งสองข้างขึ้นสูงเหนือศีรษะ แล้วบิดตัวไปทางซ้ายและขวา เพื่อยืดกล้ามเนื้อหลังและลำตัว
3. ท่ายืดกล้ามเนื้อมือและข้อมือ: ยืดมือและข้อมือโดยการตั้งมือขึ้นแล้วดึงเบา ๆ ให้รู้สึกตึงที่ข้อมือ
4. ท่าโยคะเบา ๆ: ท่านี้ช่วยทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย และยังทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น
เคล็ดลับการทำงานอย่างไรไม่ให้เสี่ยงเป็นออฟฟิศซินโดรม
-
ปรับสภาพแวดล้อมในการทำงาน: ควรจัดโต๊ะทำงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงการก้มศีรษะลงไปใกล้คอมพิวเตอร์มากเกินไป
-
ตั้งเวลาพักและเปลี่ยนอิริยาบถ: ควรลุกจากที่นั่งทุก ๆ ชั่วโมง เพื่อให้กล้ามเนื้อได้ยืดหยุ่น
-
การใช้แว่นกรองแสง: สำหรับผู้ที่ต้องจ้องหน้าจอนาน ๆ แว่นกรองแสงจะช่วยลดความเมื่อยล้าของดวงตาได้
-
การออกกำลังกายเป็นประจำ: การออกกำลังกายไม่เพียงช่วยลดอาการออฟฟิศซินโดรม แต่ยังช่วยเสริมสร้างสุขภาพโดยรวม
อยากรักษาอาการออฟฟิศซินโดรม ทำอย่างไรดี
หากมีอาการออฟฟิศซินโดรมแล้ว ควรทำการรักษาอย่างเหมาะสมเพื่อบรรเทาอาการและฟื้นฟูสุขภาพโดยรวม โดยวิธีการรักษาอาจรวมถึง
-
การบำบัดทางกายภาพ (Physical Therapy): แนะนำให้พบแพทย์เพื่อรับการรักษาเฉพาะทาง
-
การใช้เทคนิคการผ่อนคลาย เช่น สมาธิ โยคะ และการฝึกหายใจ: เพื่อช่วยลดความตึงเครียดและความวิตกกังวล
-
การรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ: โดยเฉพาะแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลอาการออฟฟิศซินโดรมโดยตรง
-
การรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการจัดการความเครียด: เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงที่เกิดจากความเครียดในชีวิตประจำวัน
บริการรักษาออฟฟิศซินโดรมที่ Paradise Park แนะนำ
สำหรับผู้ที่ต้องการการรักษาจากคลินิกเฉพาะทาง สามารถเดินทางมาได้ที่ Paradise Park เลย เพราะที่นี่มีคลินิกมากมายที่พร้อมให้คำปรึกษาและรักษาอาการออฟฟิศซินโดรม อาทิ รามาธิบดี เฮลธ์ สเปซ, Sorot Clinic และ Rehabz by Chersery Home ที่มีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านกายภาพบำบัดมากมาย พร้อมช่วยรักษาอาการออฟฟิศซินโดรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้คุณผ่อนคลาย และห่างไกลจากอาการเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี
อ้างอิงจาก
-
https://www.rama.mahidol.ac.th/ramachannel/article/ออฟฟิศซินโดรม-โรคน่ากลั/
-
https://www.praram9.com/officesyndrome/
-
https://www.sikarin.com/health/officesyndrome