5 เทคนิคเลือกรองเท้าวิ่งให้เข้ากับฝ่าเท้า พร้อมตารางเทียบไซส์รองเท้า

  •  25 ธ.ค. 67

สุขภาพเท้ามีความสำคัญต่อร่างกายของเราเป็นอย่างมาก สังเกตได้จากเวลาออกกำลังกายหรือเดินเที่ยวเป็นเวลานานๆ หากใครดูแลเท้าดีด้วยการเลือกรองเท้าที่เหมาะสมกับกิจกรรม โอกาสที่จะบาดเจ็บหรือปวดเท้าจนลามมาถึงเส้นเอ็นและข้อเข่านั้นจะน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด 

ปัจจุบัน หลายคนนิยมออกกำลังกายด้วยการวิ่ง เนื่องจากเป็นกีฬาที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์มากเท่ากีฬาชนิดอื่น มีเพียงรองเท้ากีฬาดีๆ สักคู่ก็เริ่มต้นได้แล้ว อย่างไรก็ตาม หลายคนละเลยการเลือกรองเท้า เพราะคิดว่า ใส่รองเท้าผ้าใบอะไรก็วิ่งได้เหมือนกัน แต่ความจริงแล้ว การเลือกรองเท้าวิ่งสำคัญกว่าที่คิด ชวนผู้อ่านไปหาคำตอบ พร้อมแนะนำวิธีเลือกรองเท้าวิ่งได้เลยในบทความนี้

รองเท้าวิ่ง VS. รองเท้าผ้าใบธรรมดา ต่างกันอย่างไร

น้ำหนักของรองเท้า

รองเท้าประเภทต่างๆ มีน้ำหนักไม่เท่ากันเพื่อให้เหมาะกับการเคลื่อนไหว

  • รองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าสนีกเกอร์ทั่วไป มักมีน้ำหนักมากกว่ารองเท้ากีฬา เหมาะสำหรับการเดินทั่วไปในชีวิตประจำวัน ทิ้งน้ำหนักและเสียงกระแทกพื้นมากกว่า

  • รองเท้าวิ่งมีน้ำหนักเบากว่า เนื่องจากต้องซัพพอร์ตนักกีฬาให้เคลื่อนไหวได้คล่องตัว ไม่มีน้ำหนักมาถ่วงเท้าเวลาวิ่ง

วัสดุ

  • รองเท้าผ้าใบหรือสนีกเกอร์อาจทำมาจากวัสดุหลากหลาย ขึ้นอยู่กับดีไซน์และแฟชั่นที่ได้รับความนิยมในแต่ละช่วง เช่น ผ้าใบแคนวาส หนังแท้ หนังสังเคราะห์ เม็ดพลาสติก และพื้นรองเท้าทำจากยาง ซึ่งอาจเป็นยางธรรมชาติหรือยางสังเคราะห์ มีคุณสมบัติกันน้ำ

  • รองเท้าวิ่งอาจทำมาจากผ้าและเม็ดพลาสติกที่ถักทอให้มีความยืดหยุ่น โอบกระชับไปกับการเคลื่อนไหวของเท้า 

    • พื้นรองเท้าส่วนที่สัมผัสกับพื้นโดยตรง (Outsole) ทำจากยางหรือวัสดุ PU โดยจะแตกต่างกันตามประเภทการวิ่ง เช่น หากเป็นรองเท้าวิ่งเทรลหรือรองเท้าวิ่งมาราธอน พื้นรองเท้าจะแข็งแรงและมีดอกยางที่มากกว่ารองเท้าวิ่งในยิม

    • ส่วน Midsole ซึ่งอยู่ถัดขึ้นมา ทำหน้าที่รองรับแรงกระแทกจากการวิ่ง ทำมาจากวัสดุพิเศษ ตามนวัตกรรมของแต่ละแบรนด์รองเท้า เช่น เทอร์โมพลาสติก PEBAX, PU, EVA ไปจนถึงการใส่ Plastic Gel หรือ Air Pocket เพื่อให้ประสิทธิภาพในการรองรับแรงกระแทกดีขึ้น แต่ยังคงมีน้ำหนักเบา

    • ส่วน Insole หรือพื้นรองเท้าด้านใน ทำมาจากโฟม PU หรือ EVA เพื่อขึ้นรูปซัพพอร์ตอุ้งเท้าด้านใน ขนาดของรองเท้า

  • รองเท้าผ้าใบมีขนาดความกว้างและความยาวตามมาตรฐาน บางรุ่นดีไซน์ให้ใส่แล้วเท้าดูเพรียว

  • รองเท้าวิ่ง รวมถึงรองเท้ากีฬาชนิดอื่นๆ จะมีทั้งขนาดมาตรฐาน และรุ่นที่ดีไซน์หน้าเท้ากว้างเป็นพิเศษ เพื่อให้พอดีกับคนที่มีรูปเท้าแตกต่างกัน เช่น ใครที่หน้าเท้ากว้าง หากใส่รองเท้าบวกจากไซส์ปกติ จะทำให้เหลือช่องว่างด้านหน้ารองเท้าและทำให้เกิดอุบัติเหตุขณะเล่นกีฬาได้

ข้อดีของการใส่รองเท้าวิ่ง

  1. ความคล่องตัว: รองเท้าวิ่งทำจากวัสดุที่มีน้ำหนักเบา ทั้งพื้นรองเท้าและตัวรองเท้า จึงช่วยให้รู้สึกคล่องตัวและไม่หนักเท้า

  2. ความสบาย: รองเท้าวิ่งบางรุ่นมีราคาสูงกว่ารองเท้าผ้าใบธรรมดา นั่นก็เป็นเพราะเทคโนโลยีการผลิตโฟมและแผ่นรองรับการกระแทกที่ช่วยให้ผู้สวมใส่รู้สึกนุ่ม สบาย ไม่แข็งเหมือนพื้นรองเท้าทั่วไป อีกทั้งยังมีการออกแบบรองเท้าวิ่งผู้หญิงและรองเท้าวิ่งผู้ชายให้เหมาะกับขนาด รูปเท้า และแรงกระแทกที่แตกต่างกันด้วย

  3. ลดอาการบาดเจ็บ: รองเท้าวิ่งมีดีไซน์ด้านในที่ช่วยซัพพอร์ตอุ้งเท้า จึงช่วยลดโอกาสบาดเจ็บจากแรงกระแทก เช่น รองช้ำ ปวดส้นเท้า หรือข้อเท้าพลิก 

  4. ลดความเสี่ยงอุบัติเหตุ: รองเท้าวิ่งจะมีดอกยางที่ผลิตขึ้นมาให้เหมาะสมกับการวิ่งประเภทต่างๆ โดยเฉพาะ ช่วยลดความเสี่ยงลื่นหกล้ม เพราะพื้นรองเท้าเกาะพื้นได้เป็นอย่างดี

ข้อเสียของการเลือกรองเท้าไม่เหมาะกับชนิดกีฬา

  1. สุขภาพเท้า: รองเท้ากีฬาออกแบบมาให้มีความนุ่ม ยืดหยุ่น มีขนาดหน้าเท้าที่เหมาะสม  และมีพื้นรองเท้าบุวัสดุรองรับแรงกระแทก เพื่อซัพพอร์ตเท้าให้เหมาะสมกับชนิดกีฬา เช่น รองเท้าวิ่ง ซัพพอร์ตการลงน้ำหนักเท้าเป็นเวลานาน นอกจากจะเซฟกระดูกเท้าแล้ว ยังช่วยลดแรงกระแทกไปถึงข้อเข่าด้วย หากเลือกรองเท้าไม่ถูกต้องตามชนิดกีฬา หรือใช้รองเท้าผ้าใบแฟชั่นมาใส่เล่นกีฬา อาจทำให้บาดเจ็บได้

  2. วัสดุและความทนทาน: หากนำรองเท้าสำหรับกีฬาอื่นๆ มาวิ่งอาจทำให้พื้นรองเท้าสึกเร็ว เช่น นำรองเท้ากีฬาสำหรับใส่ในยิมไปเล่นกลางแจ้งอาจทำให้ดอกยางเสียหายเร็ว

  3. ความปลอดภัย: รองเท้าแต่ละชนิดดีไซน์มาให้มีแรงเสียดทานและการยึดเกาะพื้นผิวแตกต่างกัน หากเลือกผิดอาจส่งผลต่อความปลอดภัย เช่น นำรองเท้าผ้าใบธรรมดาไปเล่นกีฬาที่ต้องวิ่งและเคลื่อนไหวเยอะ อาจทำให้ลื่นล้มบาดเจ็บได้ง่าย 

5 เทคนิค เลือกรองเท้าวิ่งอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพเท้า

  • เลือกประเภทรองเท้าให้เหมาะกับประเภทของการวิ่ง เช่น 

    • วิ่งบนลู่วิ่งและออกกำลังกายในฟิตเนสเป็นหลัก ใช้รองเท้าวิ่งทั่วไปที่ระบายอากาศได้ดีและมีความคล่องตัว

    • วิ่งออกกำลังกายกลางแจ้ง ใช้รองเท้าวิ่งที่เบาสบาย มีพื้นรองเท้าที่แข็งแรงขึ้นเพื่อให้ทนทานต่อการวิ่งบนพื้นปูน

    • วิ่งในระยะทางที่ยาวและสมบุกสมบันอย่างวิ่งมาราธอนและวิ่งเทรล ควรใช้รองเท้าวิ่งที่มีคุณสมบัติเฉพาะ เช่น น้ำหนักเบา กันน้ำ ดอกยางแข็งแรง กันลื่น และดีไซน์เหมาะกับรูปเท้าจริงๆ เนื่องจากต้องรับแรงกระแทกจากเท้าเป็นเวลานาน

  • เลือกขนาดของรองเท้าให้เหมาะสม ทั้งความยาวและความกว้างของหน้าเท้า 

    • การใส่รองเท้าที่บีบรัดเกินไป นอกจากจะทำให้บาดเจ็บแล้ว ยังทำให้เกร็งเท้าจนส่งผลต่อกล้ามเนื้อส่วนอื่นๆ 

    • การใส่รองเท้าที่หลวมกว่าไซส์จริงอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ หรือเกิดการเสียดสีกับผิวหนังจนเป็นแผลได้

    • รองเท้าแต่ละยี่ห้ออาจมีขนาดแตกต่างกัน รวมถึงเท้าสองข้างของเราเองก็อาจมีขนาดไม่เท่ากัน ควรลองใส่เดินให้ครบทั้ง 2 ข้างทุกครั้งเพื่อให้ได้คู่ที่เหมาะสม

    • แนะนำให้เลือกซื้อรองเท้าตอนบ่าย เพราะเป็นช่วงที่เท้าขยายตัวจากการเดินมาทั้งวันแล้ว

  • ทำจากวัสดุที่เหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บ

    • พื้นรองเท้าและตัวรองเท้ามีความยืดหยุ่นพอประมาณ ช่วยให้ออกตัววิ่งและงอเท้าได้สบาย ไม่แข็งจนเกินไป

    • สามารถลองใส่วิ่งหรือจับรองเท้าพลิกไปพลิกมาก่อนเลือกซื้อ

  • เสริมตัวช่วยตามความจำเป็น

    • สำหรับคนเท้าแบน ควรเลือกรองเท้าที่มีพื้นรองเท้าด้านใน (Insole) ที่ช่วยพยุงอุ้งเท้า หรือหาแผ่นซัพพอร์ตเท้ามาเสริม

    • สำหรับคนที่ใส่รองเท้าแล้วหลวมข้างหนึ่ง หรือลองครบทุกไซส์ก็ยังหลวมไปหรือคับไปเล็กน้อยอยู่ดี สามารถแก้ปัญหาได้โดยใส่วัสดุเสริม เช่น แผ่นรองใต้ฝ่าเท้า หรือแผ่นแปะด้านหลังเท้า เพื่อให้รองเท้ากระชับและไม่หลุดง่ายจนเกิดอุบัติเหตุ

  • เลือกรองเท้าที่ระบายอากาศได้ดี

    • เนื่องจากคนเรามีเหงื่อออกในขณะเล่นกีฬา ไม่เว้นแม้แต่เท้า จึงควรเลือกรองเท้าวิ่งที่ระบายอากาศได้ดี เผื่อช่วยให้ไม่ร้อนหรือเหม็นอับง่าย และรู้สึกสบายเท้ามากยิ่งขึ้น

แจกตารางเทียบไซส์รองเท้า ตัวช่วยประหยัดเวลานักช้อป

เนื่องจากรองเท้าแต่ละแบรนด์อาจใช้ระบบไซส์ไม่เหมือนกัน เวลาไปเลือกซื้อจึงอาจไม่แน่ใจว่าควรเริ่มลองจากไซส์ไหน บทความนี้จึงแถมตารางเทียบไซต์รองเท้า เพียงแค่วัดขนาดเท้าในหน่วยเซนติเมตรแล้วเทียบกับตารางนี้ได้เลย 

ตารางเทียบไซส์รองเท้าผู้หญิง

US Size

UK Size

EU Size

ความยาวเท้า (ซม.)

4.5

2

34

21.5

5

2.5

35

22

5.5

3

35.5

22.5

6

3.5

36

23

6.5

4

37

23

7

4.5

37.5

23.5

7.5

5

38

24

8

5.5

38.5

24

8.5

6

39

24.5

 

ตารางเทียบไซส์รองเท้าผู้ชาย

US Size

UK Size

EU Size

ความยาวเท้า (ซม.)

5.5

5

38

23.5

6

5.5

38.7

24

6.5

6

39.3

24.5

7

6.5

40

25

7.5

7

40.5

25.5

8

7.5

41

26

8.5

8

42

26.5

9

8.5

42.5

27

9.5

9

43

27.5

 

หมายเหตุ แนะนำให้ลองรองเท้าด้วยตนเองจะดีที่สุด เนื่องจากขนาดของรองเท้าแต่ละแบรนด์ รวมถึงปัจจัยอื่นๆ เช่น ทรงรองเท้า และสภาพของเท้าในช่วงเวลาต่างๆ อาจทำให้ไซส์มีความคลาดเคลื่อนเล็กน้อย

 

ดูแลรองเท้าวิ่งอย่างไรให้ใช้งานได้ยาวนาน

การจัดเก็บ

  • เก็บในที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อป้องกันไม่ให้รองเท้าเหม็นอับจากครบสิ่งสกปรกและเหงื่อ เช่น ตู้รองเท้าที่มีช่องระบายอากาศ โดยวางอุปกรณ์ดูดความชื้นและดับกลิ่น

  • ไม่วางรองเท้าซ้อนทับกันหลายๆ คู่จนเสียทรง

  • หลีกเลี่ยงการเก็บในที่ที่มีอากาศร้อนจัด เพื่อไม่ให้วัสดุเสื่อมสภาพ

การทำความสะอาด

  • ปฏิบัติตามคำแนะนำในการทำความสะอาดที่ระบุไว้บนกล่องหรือตัวรองเท้าอย่างเคร่งครัด รองเท้าบางคู่สามารถซักเครื่องได้ บางคู่ต้องซักมือเท่านั้น ขณะที่บางคู่ให้ใช้เพียงน้ำยาทำความสะอาดเช็ดหรือสเปรย์ลงบนพื้นผิวเท่านั้น

  • นำรองเท้ามาผึ่งลมหรือตากแดดบ้างตามความเหมาะสม เช่น หลังจากใส่วิ่งบนพื้นชื้นแฉะหรือฝนตก หรือในช่วงที่อากาศชื้นเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันไม่ให้รองเท้าขึ้นรา แต่ต้องระวังไม่ตากรองเท้ากลางแดดนานเกินไป เพื่อป้องกันความเสียหายต่อตัวรองเท้า

การใช้งาน

  • ใช้รองเท้าเพื่อเล่นกีฬาตามประเภทเท่านั้น ไม่ควรใส่รองเท้าวิ่งไปเล่นแบดมินตัน หรือใส่รองเท้าเทนนิสไปวิ่ง เพราะจะทำให้รองเท้าพังเร็ว

  • มีรองเท้าสำรองและใส่สลับวัน เพื่อยืดอายุการใช้งาน

ช้อปรองเท้ากีฬาและรองเท้าแฟชั่นตามสไตล์ที่คุณต้องการได้ง่ายๆ ที่ Run 2 Paradise บริเวณ Side Walk ศูนย์รวมรองเท้าวิ่งทั้งสำหรับมือใหม่และนั่งวิ่งมืออาชีพจากแบรนด์ชั้นนำ พร้อมด้วยอุปกรณ์เสริมการวิ่ง ที่จะทำให้การออกกำลังกายกลายเป็นเรื่องสนุกยิ่งกว่าเคย ก็มีให้คุณเลือกซื้อได้อย่างเต็มที่ รวมไปถึง SUPERSPORT ชั้น 2 โซน A ที่มาพร้อมกับอุปกรณ์กีฬาทุกชนิดให้คุณเลือกช้อปกันอย่างเต็มที่ และรองเท้าออกกำลังกายหลากหลายรูปแบบ ช้อปสนุกได้ง่าย ๆ ที่ พาราไดซ์ พาร์ค แถมยังได้สะสมคะแนนสุดคุ้มค่ากับ MBK PLUS อีกด้วย

MBK PLUS โปรแกรมสะสมคะแนนสำหรับคุณคนพิเศษ 

MBK PLUS คือโปรแกรมสะสมคะแนนสำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้าหรือบริการภายในศูนย์การค้า Paradise Park และธุรกิจในเครือ MBK เพียงนำใบเสร็จจากร้านค้าที่ร่วมรายการมาสะสมคะแนน แล้วนำคะแนนมาแลกรับส่วนลด คูปอง หรือสิทธิพิเศษต่างๆ ได้มากมาย

# สะสม สุขจุกๆ: ทุกการช้อปมีแต่ได้ สะสมพอยท์เพื่อรับสิทธิพิเศษมากมายแบบจุกๆ

# แลก สุขจุกๆ: ง่ายขึ้น 1 พอยท์ = 1 บาท แลกรับส่วนลดจุกๆ และความพิเศษทุกไลฟ์สไตล์

# แชร์ สุขจุกๆ: โอนคะแนนให้เพื่อน แชร์พอยท์ รวมทั้งชวนเพื่อน มาส่งต่อความสุขด้วยกันไม่รู้จบ

ตรวจสอบเงื่อนไขการสะสมคะแนนเพิ่มเติมได้ที่ https://www.paradisepark.co.th/mbkplus.php 

 

อ้างอิง